กาลครั้งหนึ่งมีบุตรของเศรษฐี 3 คน พ่อแม่ของพวกเขา เป็นเพื่อนรักกันมานาน ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสามครอบครัวก็ ตกมาถึงรุ่นลูกของพวกเขา ลูกเศรษฐีคนแรกมีชื่อว่า นายมี ลูกเศรษฐีคนที่สองมีชื่อว่า นายมาก ส่วนลูกเศรษฐีคนที่สามนั้นมีชื่อว่า นายพร้อม ทั้งสามคนมีนิสัยแตกต่างกัน นายมีชอบเห็นคนที่ด้อย กว่าเป็นข้าของตนเพราะนายมีถูกเลี้ยงมาโดยที่พ่อแม่ไม่ยอมให้นายมี ทำอะไรเลย จะทำอะไรสักอย่างก็ให้คนใช้ทำให้ เพราะกลัวว่าลูกจะ เหนื่อย การพูดการจานั้นก็จะพูดแบบดูถูกเหยียดหยาม
คนที่มีฐานะ ตํ่ากว่า นายมากนั้นมีนิสัยขี้เกรงใจ ไม่กล้าที่จะทำอะไรด้วยตนเอง เวลาที่จะพูดกับใครก็จะติดนิสัยเรียกคนอื่นว่าพี่ชาย โดยที่ไม่รู้ว่าคน คนนั้นจะชอบหรือไม่ ส่วนนายพร้อมนั้นมีพร้อมทุกสิ่งทั้งกาย วาจา
คนที่มีฐานะ ตํ่ากว่า นายมากนั้นมีนิสัยขี้เกรงใจ ไม่กล้าที่จะทำอะไรด้วยตนเอง เวลาที่จะพูดกับใครก็จะติดนิสัยเรียกคนอื่นว่าพี่ชาย โดยที่ไม่รู้ว่าคน คนนั้นจะชอบหรือไม่ ส่วนนายพร้อมนั้นมีพร้อมทุกสิ่งทั้งกาย วาจา
วันหนึ่งทั้งสามคนได้ออกไปเที่ยวเล่นกัน และเห็นนายพราน กำลังเข็นเนื้อสัตว์ที่เขาจับได้ไปขายในเมือง นายมีจึงชักชวนเพื่อนทั้ง สองเล่นพนันกันว่า เราทั้งสามคนใครผู้ใดที่เดินเข้าไปขอเนื้อกับนาย พรานได้ผู้นั้นจะได้รับการยกย่องจากผู้ที่แพ้ ทั้งสามคนจึงตกลงกัน นายมีกล่าวขึ้นว่า
"ข้าเป็นคนคิดเรื่องนี้ขึ้นก่อนควรจะให้ข้าเป็นคนเข้าไปพูดก่อน” นายมีเดินตรงเข้าไปหานายพรานแล้วพูดกับนายพรานว่า "เย้ย..ไอ้ขี้ครอก ตัวข้านั้นเป็นลูกเศรษฐีมีเงินมาก กูจะขอ แบ่งเนื้อสักชิ้นได้ไหม" เมื่อนายพรานฟังแล้วก็พูดกลับไปว่า
"เมื่อท่านกล้าขอเราก็จะให้ แต่การพูดขอของสิ่งใดกับใครนั้น ช่างไม่ดีเอาเสียเลย ท่านคิดจะขอของจากข้าท่านก็ควรจะพูดจาให้ ไพเราะให้ดูน่าฟังเสียดีกว่า ’’ นายพรานจึงตัดเนื้อที่เน่าให้กับนายมี นายมีเดินหน้าจ๋อยกับ มาหาเพื่อนทั้งสอง นายมากพูดขึ้นว่า
"อ้าว ต่อไปตาของฉันบ้างละ" นายมากเดินไปที่นายพรานล่าเนื้อก็กล่าวขึ้นอย่างสุภาพว่า "พี่ชายเราขอเนื้อสักชิ้นได้หรือไม" นายพรานล่าเนื้อฟังคำขอของนายมากแล้วพูดขึ้นว่า
"อันตัวข้านั้นจำไม่ได้ว่ามีน้องชายตั้งแต่เมื่อไรและไม่คิดจะรับ ใครเป็นน้อง แตในเมื่อท่านพูดกับเราดีเช่นนื้เราก็จะแบ่งเนื้อให้ อ้าว เราให้เนื้อตรงขาไป’’ เมื่อนายมากได้ฟังนายพรานพูดเช่นนั้นก็หน้า แตกกลับมา
ส่วนนายพร้อมก็เดินเข้าไปหานายพรานคนนั้นแล้วพูดว่า “เพื่อนยากเราขอเนื้อสัตว์สักชิ้นได้หรือไม่"
นายพรานฟังนายพร้อมพูดเช่นนั้นก็ร้สึกถูกชะตาในคำพูด ของนายพร้อมจึงบอกกับนายพร้อมว่า
“ข้าให้ท่านทั้งหมดนี่เลยสหาย บ้านเจ้าอยู่ไหนล่ะข้าจะไปส่งให้ถึงบ้าน” นายพร้อมได้ฟังดังนั้นก็แปลกใจจึงถามกลับไปว่า
“ทำไมท่านถึงให้เรามากเช่นนี้ล่ะ” นายพรานจึงตอบว่า
"โดยปกติแล้วบ้านใครที่ไม่มีเพื่อนนั้น บ้านเขาคือบ้านป่าที่ไร้ มนุษย์ดีๆ นั่นเอง”
เมื่อนายพร้อมได้ฟังดังนั้นจึงซักชวนนายพรานไปยังที่บ้านของ ตน และให้ทุนนายพรานประกอบอาชีพอื่นที่ไม่ต้องไปส่าลัตว์ นายพรานผู้นั้นก็ขยันทำมาหากินอดออมจนทำให้ปัจจุบันนี้กลายเป็น เศรษฐีคนหนึ่ง