วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

คางคกจอมโอ้อวด

     กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว สัตว์ทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในป่าทุกตัวต่างพูดได้ และรักใคร่ปรองดองกัน วันหนึ่งมีกระต่ายสีขาว สวยงามตัวหนึ่งโดดเข้าไปในพงหญ้าเพื่อที่จะหาอาหารกิน แต่ในพง หญ้านั้นมีแต่ฝูงคางคกอาศัยอยู่ เจ้ากระต่ายเลยร้องบอกฝูงคางคก เหล่านั้นให้หลบออกไปจากบริเวณที่เป็นแหล่งอาหารของตน คางคกตัวหนึ่งได้ฟังดังนั้นกลัวว่าเจ้ากระต่ายจะเหยียบยํ่าเพื่อนๆ ของมัน จึงพูดโอ้อวดให้กระต่ายฟังว่า
 
 "เรื่องอะไรเราจะต้องหลบเจ้าในที่นี้เราเป็นใหญ่ เจ้าไมใช่เหรอ ที่ควรจะหลบออกไปให้พ้นทางของเรา ไม่เช่นนั้นเราจะให้เพื่อนของเรากินเจ้าเป็นอาหาร" เมื่อคางคกบอกกระต่ายเช่นนั้นจึงหันกลับไปพูดกับเพื่อนๆ คางคกอีกหลายตัวว่า
     "เอ้ย! พวกเราวันนี้เรามีลาภปากด้วยละ"  กระต่ายได้ฟังดังนั้นก็เกิดกลัวขึ้นมา จะวิ่งหนีก็กลัวว่าจะไปเจอกับดักของนายพราน เลยทำใจดีสู้และกล่าวโต้ตอบกลับไปว่า
     “เอ้ย! เองอย่าทำเป็นพูดดีเกินตัวเองนักเจ้าคางคกตัวน้อย เดี๋ยวก็โดนข้าเหยียบให้ตายเลยนี่"      เมื่อคางคกได้ฟังดังนั้นก็แกล้งตอบกลับไปว่า 
     “มา...มาเหยียบเลยเมื่อวานนี่ข้าได้กินเสือ วันนี้ข้าได้กินกระต่ายอีกแล้ว"
    เมื่อกระต่ายได้ฟังด้งนั้นก็เกิดโมโหในความลำพองตัวของ คางคกจึงกระโดดเข้าไปเหยียบคางคกหลายตัวตาย ด้วยความตกใจ คางคกจึงฉีดน้ำยางพิษที่มีอยู่ในตัวโดนตาเจ้ากระต่าย กระต่ายก็ ถอยออกมาด้วยความแสบร้อนของนํ้ายางพิษที่คางคกฉีดพ่นออกมา ต่างฝ่ายต่างก็โกรธแค้นกันมาก สุดท้ายก็ต้องเลิกรากันไป เพราะต่างฝ่ายต่างเจ็บตัว ต่อมาวันหนึ่งคางคกจอมโอ้อวดก็ออกไป หาอาหารตามปกติแต่คราวนี้ออกไปไกลจากเดิมอีก คราวนี้คางคกได้ ไปเจอกับฝูงมดแดงจึงใช้ลิ้นตวัดกินมดแดงเหล่านั้น มดแดงเมื่อรู้ว่า ตัวเองถูกรุกรานจึงรวมตัวกันรุมกัดตาคางคก จนคางคกมองไม่เห็น ลิ้นก็เลยตวัดไปโดนถ่านที่กำลังไหมไฟ เจ้าคางคกคิดว่าถ้าจะคาย ถ่านก้อนนี้ทิ้งไปก็จะทำให้อับอายขายขี้หน้าพวกมด มันจึงอมเอาไว้ ในปากและโดดหนีเอาตัวรอดออกมา ขณะนั้นมีเสือตัวหนึ่งกำลังดักจับกระต่ายกินเป็นอาหารอยู่ แลเห็นคางคกพอดีจึงเอ่ยปากถามว่า
     “เจ้าคางคกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่ล่ะนี่’’ ด้วยความกลัว เจ้าคางคกตอบเสือไม่ออก และนึกขึ้นได้ว่า
     “จริงสิขึ้นชื่อว่าเสือนั้นล้วนหาแต่อาหารอันโอชะมันคงไม่กิน คางคกอย่างเราหรอก" จึงตอบกลับไปด้วยความโอ้อวดว่า 
     "กำลังกินเนื้อช้างอยู่นะสิ”  เสือได้ฟังดังนั้นก็ตอบกลับไปว่า
     "ไอ้คางคกจอมโกหกตัวเล็กอย่างเจ้าเนี่ยนะที่กินเนื้อช้าง ไหนเจ้ามีหลักฐานอะไรหรือเปล่า " เจ้าคางคกได้ทีจึงคายถ่านที่อยู่ในปากออกมาให้เสือดูแล้วพูด 
     ‘‘นี่ไงล่ะเนื้อช้างที่ข้ากินเข้าไป" เสือเห็นดังนั้นก็เกิดความกลัวเจ้าคางคก เจ้าคางคกไดัทีทำท่าทางวางโตแล้วจึงว่า
     ‘‘เจ้าเสือข้าจะหาเนื้อกระต่ายให้เจ้ากินดีหรือไม่"
     เจ้าเสือจึงตอบตกลง เจ้าคางคกได้โอกาสก็พาเจ้าเสือออกหา กระต่ายที่เหยียบเพื่อนๆ ของคางคกตายระหว่างทางเจ้าเสือเห็นว่าเจ้าคางคกนั้นโดดช้าเหลือเกินจึงหยุด รอแล้วบอกว่าเจ้าคางคกเจ้าขึ้นมาอยู่บนหลังข้าดีกว่า ด้วยความที่ กลัวจะอายเจ้าเสือจึงตอบกลับไปว่า
     “ถ้าข้าเดินนำหน้าเจ้า เจ้าก็ตามข้าไม่ทันหรอกเจ้าเดินไปก่อนเถอะ แล้วข้าอยู่ข้างหลังจะคอยคุ้มครองเจ้าอยู่ข้างหลังนี่เอง" เจ้าเสือได้ฟังดังนั้นมันจึง เดินต่อไป เจ้าเสือเห็นต้นไม้ไหญ่ขวางทางอยู่ เจ้าเสือคิดว่าตัวเองนั้นสามารถโดดข้ามได้สบายแต่เจ้า คางคกนี่สิจะโดดข้ามได้อย่างไร มันจึงหันไปพูดกับเจ้าคางคกว่า
     “นี่เจ้าคางคกเจ้าจะโดดข้ามไปได้อย่างไรเพราะต้นไม้ต้นนื้ ใหญ่กว่าตัวเจ้านัก ตัวข้าเองสามารถกระโดดข้ามไม้ได้สบายๆ” เจ้าคางคกบอกว่าตัวเองนั้นก็โดดข้ามได้สบายๆ เหมือนกัน เมื่อเจ้าเสือได้ฟังดังนั้นจึงจะกระโดดไปก่อนแล้วคอยดูว่าเจ้าคางคก จะโดดข้ามมาได้อย่างไร ในขณะที่เสือกำลังจะกระโดดนั้นเจ้าคางคกได้กระโดดเกาะ หางเจ้าเสือไปด้วยจนตัวเองตกไปกระแทกกับตอไม้ตอหนึ่ง ทำให้ปากของคางคกนั้นแตกมีเลือดไหลออกมา เจ้าเสือข้ามไปแล้วหันกลับมามองแต่ไม่เห็นคางคกจึงตะโกนถามออกไปว่าเจ้าคางคกเจ้า กระโดดมาฝังนี้ได้แล้ว เจ้าคางคกจึงว่า ข้ากระโดดมาก่อนเจ้าอีกเจ้า มัวทำอะไรอยู่ เจ้าเสือเห็นที่ปากของคางคกมีสีแดงๆ ไหลออกมาจึง ถามว่าปากของเจ้าไปโดนอะไรมา เจ้าคางคกจึงโอ้อวดกลับไปว่า
     "ก็เจ้านะสิกระโดดมาช้าข้าทนรอไม่ไหวจึงไปเก็บลูกเชอร์รีกิน ดูสีลูกนี้แด๊ง...แดงอร่อยอย่าบอกใครเชียว"  เจ้าคางคกโอ้อวดตนเองเพื่อไม่ให้อายเจ้าเสือ แต่เจ้าเสือรู้ว่า เจ้าคางคกนั้นโกหกเพราะสีแดงๆ ที่อยู่ที่ปากนั้นมันคือเลือด คงเกิด จากระหว่างกระโดดข้ามมาไปชนกับอะไรเป็นแน่แท้